สาวลาออกมาดูแลลูกป่วย หารายได้เสริมปลูกเมล่อนขายในโซเชี่ยล ขายดีจนต้องจองล่วงหน้า [rakbkk]






นครราชสีมา 31 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีแม่บ้านพลทหารในสังกัดค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จ.นครราชสีมา ซึ่งลาออกจากงานประจำมาดูแลลูกที่ป่วยหนัก โดยใช้เวลาว่างจากการดูแลลูกมาปลูกเมล่อนขายผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค สร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวเป็นอย่างดี

จากการลงพื้นที่ไปที่แปลงเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง ภายในกองพลทหารช่าง 202 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบนางเบญจมาศ สังฆมณี อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของจ.ส.อ.นิกรกิจ สังฆมณี สังกัดกองพลทหารช่าง 202 พบว่าบริเวณดังกล่าวได้มีการทำเป็นโรงเรือนปิด 1 โรง ภายในมีการปลูกเมล่อนในระบบน้ำหยดซึมนับร้อยต้น ซึ่งกำลังออกลูกใกล้ถึงเวลาเก็บผลผลิตอยู่เป็นจำนวนมาก


 นางเบญจมาศเปิดเผยว่า ก่อนหน้านั้นตนได้ลาออกจากงานประจำในโรงงาน เพื่อมาดูแลลูกสาวที่ป่วย ซึ่งทำให้ครอบครัวต้องขาดรายได้ เพราะลำพังเงินเดือนของสามีก็ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในครอบครัว จึงใช้เวลาว่างจากการดูแลบุตรไปสมัครเข้าเรียนหนังสือที่ กศน.อำเภอเมืองนครราชสีมา ในระดับชั้นมัธยมปลาย ซึ่งทางศูนย์ กศน.ก็ได้พาไปศึกษาดูงานที่ฟาร์มของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี หรือ มทส. และเกิดมีความสนใจเรื่องการปลูกเมล่อนขาย เนื่องจากเป็นผลไม้ที่กำลังได้รับความนิยมในประเทศไทย รวมทั้งยังเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย ซึ่งเหมาะกับการปลูกในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาก


 ต่อมาจึงได้ปรึกษาสามี คือจ.ส.อ.นิกรกิจ สังฆมณี เพื่อขออนุญาตผู้บังคับบัญชา ขอใช้พื้นที่บริเวณแปลงเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง ของกองพลทหารช่าง 202 เพื่อใช้ทำโรงเรือนปลูกเมล่อน ซึ่งก็ได้รับอนุญาตด้วยดี จึงได้เริ่มลงทุนสร้างโรงเรือน เป็นจำนวนเงินประมาณ 30,000 บาท ใช้พื้นที่ 6 X 10 เมตร หลังจากนั้นก็ได้สั่งซื้อเมล็ดพันธุ์เมล่อนมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ในราคาเมล็ดละ 8 บาท ล็อตละ 300 เมล็ด เป็นเมล็ดเมล่อนพันธุ์เท็นชิ กับฮาโรน่า ซึ่งมีกลิ่นหอม รสชาติ หวาน กรอบ และอร่อยมาก


 เริ่มปลูกชุดแรกเมื่อต้นปี 2559 โดย 1 โรงเรือน สามารถปลูกได้จำนวน 170 ต้น ใช้ระบบน้ำหยดซึม 2 เวลา เช้า-เย็น ซึ่งประหยัดน้ำมาก เพียงแค่วันละ 40 ลิตร นอกจากนั้นก็จะมีค่าปุ๋ยสัปดาห์ละ 500 บาท ใช้เวลาตั้งแต่เตรียมแปลง จนถึงเก็บผลผลิต เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยแต่ละรุ่นสามารถเก็บผลผลิตได้ประมาณ 1,200 กิโลกรัม น้ำหนักผลเมล่อนเฉลี่ยลูกละ 1.5 กิโลกรัม


 จากนั้นนำมาประกาศขายให้กับเพื่อนๆ ในเฟชบุ๊ค และไลน์ ในราคากิโลกรัมละ 120 บาท ปรากฏว่าขายดีมาก จนเพื่อนๆ ต้องสั่งจองล่วงหน้าตั้งแต่ลูกเมล่อนยังไม่โตเต็มที่ สร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวต่อรุ่นประมาณ 15,000 บาท ทำให้ตอนนี้ต้องขออนุญาตผู้บังคับบัญชา ขอใช้พื้นที่เพื่อสร้างโรงเรือนเพิ่มอีก 1 โรง เพื่อปลูกเมล่อนขายให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า และวางแผนว่าหากมีผลผลิตจำนวนมาก ก็จะนำไปฝากขายที่ฟาร์ม มทส.อีกด้วย
cr:khaosod












x


****************************************ปลาย******************************* เรียนทั้งหมดของผู้เข้าชมที่รัก! ผมขอบคุณมากสำหรับการเยี่ยมชมบล็อกของฉัน! ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อหาเนื้อหาที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดสำหรับทุกท่าน! กรุณามีความโชคดี! จาก rakbkk!!!:)

Post a Comment